แอร์ติดผนัง Wall Air Conditioner
แอร์ติดผนัง Wall Air Conditioner เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ เป็นอีกหนึ่งประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะช่วยทำหน้าที่ผลิตความเย็นมาแทนที่ความร้อนภายในห้องได้ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก คุณวิลลิส แคร์เรียร์ วิศวกรอัจฉริยะชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นและประดิษฐ์แอร์เครื่องแรกของโลกสำเร็จ กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์แคเรียร์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี เครื่องปรับอากาศจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนและมลภาวะต่าง ๆ ที่ปะปนมาในอากาศเพิ่มมากขึ้น เรามักจะเห็นการเลือกแอร์แบบติดผนังไปใช้งานในพื้นที่บ้านกันอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากแอร์ติดผนังสามารถทำงานได้หลายฟังก์ชัน ทั้งโหมดประหยัดไฟ กรองฝุ่น หรือแอร์บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อสั่งงานผ่านระบบ Wi-Fi ได้เลย นอกจากฟังก์ชันที่หลากหลายแล้ว แอร์ติดผนังยังได้รับความนิยมสูงเพราะมีขนาดการทำความเย็นให้เลือกหลากหลาย มีตั้งแต่ขนาดเล็กอย่าง 9,000 BTU ไปจนถึงขนาดใหญ่อย่าง 36,000 BTU และขนาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมักจะเป็นแอร์ขนาด 9,000 BTU ที่เหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หอพัก รวมไปถึงคอนโด วันนี้แคเรียร์จะพาทุกคนมารู้จักกับแอร์ติดผนังขนาด 9,000 BTU ว่าเหมาะสำหรับห้องขนาดเท่าไหร่ และควรคำนึงถึงปัจจัยอะไรในการเลือกซื้อแอร์หลักการเลือกแอร์เบื้องต้น
เลือกแอร์ติดผนังให้เหมาะกับขนาดห้อง
แอร์ติดผนัง Wall Air Conditioner ในการเลือกติดตั้งแอร์ขนาด 9,000 BTU ควรคำนึงถึงขนาดของห้องที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้การทำงานของแอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด และประหยัดพลังงานได้อย่างเหมาะสม โดยค่า BTU คือ หน่วยที่ใช้วัดความเย็นของแอร์ ศึกษาต่อได้ที่ JBN Air Service นั่นหมายความว่ายิ่งแอร์ที่มีจำนวน BTU สูง ก็ยิ่งมีความสามารถในการผลิตความเย็นได้มาก กรณีที่เลือกแอร์ 9,000 BTU จะเหมาะกับห้องที่มีขนาดตั้งแต่ 12-15 ตารางเมตร แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องดูเหตุผลอื่นร่วมด้วย อาทิ หากเป็นห้องที่ต้องโดนแสงแดดส่องตลอดวัน แอร์ 9,000 BTU ก็จะเหมาะกับห้องขนาด 10-13 ตารางเมตร และหากเลือกติดตั้ง แอร์ 9,000 BTU ในห้องที่มีขนาดใหญ่เกินไป จะส่งผลทำให้ห้องไม่เย็นหรือเย็นช้า เปลืองไฟ และยังทำให้แอร์ของคุณทำงานหนัก เพราะต้องต่อสู้กับอุณหภูมิของภายนอกจนอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันสมควรได้ ดังนั้นการเลือกติดตั้งแอร์จึงจำเป็นต้องเลือกติดให้เหมาะสมกับขนาดของห้องด้วย JBN Air Service เลือกฟังก์ชันและความคุ้มค่าเนื่องจากแอร์มีหลายแบบและหลายฟังก์ชัน ดังนั้นจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน แอร์ติดผนัง 9,000 BTU มีราคาที่เหมาะสมทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ หากในเรื่องของความประหยัดไฟควรเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือคุณสมบัติพิเศษ คือฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ เช่น มีระบบฟอกอากาศ ดักจับฝุ่น ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ หรือโหมดอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นตัวเลือกให้เราได้ว่าแอร์รุ่นไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเรามากที่สุด แอร์ติดผนังยังมีข้อดีของการทำงานที่เงียบสงบ มีเสียงรบกวนน้อยมากหากเทียบกับชนิดอื่น และที่สำคัญดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย
เลือกดีไซน์และรูปลักษณ์
แอร์ติดผนัง Wall Air Conditioner ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นที่จะมาช่วยเสริมลุคการตกแต่งห้องให้ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น และยังสะท้อนถึงรสนิยมความชอบในแต่ละสไตล์ ซึ่งการเลือกแอร์ติดผนังนั้นควรเลือกดีไซน์ที่ใช่กับสีสันที่ชอบเพื่อให้เข้ากับห้องและบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ความชอบของเจ้าของบ้านได้อีกด้วย ซึ่งแอร์ติดผนังของแคเรียร์นอกเหนือจากเรื่องนวัตกรรมระบบการทำงานงานที่มีประสิทธิภาพและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบแล้ว แคเรียร์ยังให้ความสำคัญในเรื่องดีไซน์ของแอร์ติดผนังเช่นกัน ซึ่งแอร์แต่ละรุ่นก็มีลักษณะโดดเด่นและแตกต่างกันแล้วแค่ความชอบของแต่ละคน จึงได้ดีไซน์ออกแบบมาให้ค่อนข้างทันสมัยและเข้าได้กับทุกสไตล์ของผู้คนในยุดปัจจุบัน ซึ่งแอร์แคเรียร์ขนาด 9,000 BTU (https://bit.ly/3GWtXMA) ที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น อย่างเช่น รุ่น XInverter Plus (https://carrierthailand.com/xinverter-plus/ ) 5 สีสัน 5 สไตล์ ได้แก่ 3 สีสันสดใส ชมพู เขียว ส้ม และ 2 สีคลาสสิค ขาวและดำ ที่สร้างความโดดเด่นให้กับห้องพร้อมรูปลักษณ์ที่โมเดิร์น รุ่น Color Smart (https://colorsmart.carrierthailand.com/ ) แอร์เปลี่ยนดีไซน์ด้วยหน้ากากผ้า Magic Color หรือรุ่น Copper (https://carrierthailand.com/copper-11/ ) ที่มีความแข็งแรงทนทาน พร้อมตอบโจทย์การใช้งาน
เลือก BTU ที่เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่
แอร์ติดผนัง Wall Air Conditioner สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรก ๆ ของการเลือกซื้อแอร์นั่นก็คือ ค่า BTU ของแอร์ ควรเลือกค่าที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะถ้าหากเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับห้องก็จะทำให้แอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อย่างเช่น ถ้าเลือกแอร์ BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้แอร์ทำงานหนักเกินกำลัง หรือถ้าเลือก BTU สูงเกินไปแอร์ก็จะตัดบ่อย ทำให้ต้องเริ่มการทำงานใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งก่อนที่จะได้แอร์ที่มีขนาด BTU ตรงความต้องการของเราก็ต้องผ่านการคำนวณ BTU กันก่อนนั่นเองซึ่งสูตรคำนวณก็คือ “BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ตัวแปรความร้อน” โดยห้องที่โดนความร้อนน้อย จะอยู่ที่ 800 – 850 และห้องที่โดนความร้อนมาก จะอยู่ที่ 900 – 1000 ถ้าคำนวณตามสูตรดังกล่าวก็จะได้ค่า BTU ของแอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน หรือสามารถคำนวณอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์ของแคเรียร์ได้เลยที่ JBN Air Service
ล้างแอร์ ชลบุรี ราคา, ล้างแอร์ ชลบุรี นาป่า, ล้างแอร์ ชลบุรี บ้านสวน, ล้างแอร์ ชลบุรี บางแสน, ล้างแอร์ ชลบุรี อมตะนคร, ร้านล้างแอร์ ชลบุรี, ร้านแอร์ชลบุรี ราคาถูก, ร้านซ่อมแอร์บ้าน ชลบุรี, ล้างแอร์แหลมฉบัง, ล้างแอร์ชลบุรี, ล้างแอร์ อันดับ 1 ชลบุรี, ล้างแอร์ระยอง, ล้างแอร์ ชลบุรี ศรีราชา, ล้างแอร์ ศรีราชา, ล้างซ่อมติดตั้งแอร์โรงงาน ชลบุรี, ล้างซ่อมติดตั้งแอร์โรงงาน ระยอง, ล้างซ่อมติดตั้งแอร์โรงงาน ชลบุรีศรีราชา, ล้างซ่อมติดตั้งแอร์โรงงาน ศรีราชา