หลังล้างแอร์แล้ว จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยไหม

หลังล้างแอร์แล้ว จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยไหม เพื่อการประหยัดเงินในระยะยาว การใช้งานพร้อมดูแลล้างแอร์แหลมฉบังให้มีความเหมาะสม จัดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แอร์จัดเป็นอุปกรณ์ประเภทหนึ่ง หลังล้างแอร์แล้ว จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยไหม ซึ่งต้องมีการเติมน้ำยาแอร์ เพื่อให้ได้อากาศเย็นฉ่ำชื่นใจอยู่เสมอ สำหรับผู้ใช้แอร์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้อากาศไม่เย็นเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับน้ำยาแอร์กันให้มากขึ้นดีกว่า แอร์ไม่เย็น จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ไหม ถ้าคุณสัมผัสได้ว่าแอร์บ้านเริ่มไม่เย็นเท่าที่เคยเป็น สาเหตุอันดับแรกอาจเกิดจากสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน อยู่ภายในตัวเครื่อง เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดด้วยการถอดชิ้นส่วนมาล้าง ก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี เมื่อทำความสะอาดในส่วนต่างๆ หลังล้างแอร์แล้ว จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยไหม แล้ว ก็จะทำให้อากาศไหลเวียนเข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ให้ดีขึ้นอีกด้วย อากาศเย็นฉ่ำ และค่าไฟลดลง โดยแอร์แต่ละรุ่น และแต่ละยี่ห้อนั้น ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกันออกไป ทำให้ไม่อาจระบุได้อย่างเจาะจงว่าจะ ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหน โดยเฉพาะแอร์ใหม่ใช้งานไม่ถึง 1 ปี ไม่มีความจำเป็นจะต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่เลย แต่ถ้าเช็คแล้วกลับพบว่าน้ำยาแอร์ลดลงไปมาก ก็อาจมาจากเรื่องของการติดตั้ง หรือมีรูรั่ว สำหรับแอร์ที่ใช้งานมามากกว่า 1 ปี จะต้องตรวจสอบจุดรั่วซึมของน้ำยาแอร์ภายในว่ามีจำนวนมากแค่ไหน สำหรับอัตราการเติมน้ำยาแอร์บ้าน อยู่ที่ 70 – 80 ปอนด์/ตารางนิ้ว หากแต่อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำ จะต้องมีการตรวจสอบคู่มือในแต่ละรุ่นอีกที
เมื่อถึงคราวล้างแอร์ จำเป็นต้องเติมน้ำยา
หนึ่งในคำถามที่หลายๆ คนต่างมีความสงสัยมากที่สุด สำหรับบ้านติดแอร์ระบบปิด ถ้าน้ำยาไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือ เกิดความเสียหายรั่วไหลออกมา น้ำยาแอร์ก็จะไม่สลายตัวหายไปง่ายๆ เพราะฉะนั้นหลังจากคุณ ล้างแอร์ แล้ว ถ้า น้ำยาแอร์ ไม่มีการรั่วไหล ก็ไม่ต้องเติมน้ำยาทุกครั้ง เวลาเหมาะสมในการเติมน้ำยาแอร์ สำหรับแอร์ที่มีการรักษาสภาพให้อยู่ในระดับปกติแล้ว การเติมน้ำยาแอร์ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด คือ หลังจากการติดตั้งไปแล้ว 5 ปี เพราะฉะนั้นสำหรับแอร์ใหม่ ถ้ามีการล้างแอร์เป็นครั้งแรก อย่าเชื่อในคำชักชวนของช่างแอร์ ด้วยการ เติมน้ำยาแอร์ ทันที เนื่องจากจะทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นโดยใช่เหตุ และอาจมีช่างไม่ซื่อสัตย์บางคน ฉวยโอกาสระหว่างเจ้าของบ้านเผลอ ทำให้ระบบเกิดการรั่วไหลและน้ำยาแอร์ก็รั่วออกมา ทำให้แอร์ไม่เย็น และเจ้าของบ้านก็ต้อง เติมน้ำยาแอร์ ทำให้เสียเงินในการเติมน้ำยาแอร์ไปแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่ซื่อสัตย์ที่ช่างบางคน ใช้หลอกเติมน้ำยาแอร์ การเติมน้ำยาแอร์ โดยเกิดจากการที่น้ำยาแอร์รั่ว แน่นอนจำเป็นต้องมีการอุดเพื่อปิดรอยรั่วก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ แต่ให้คุณถามก่อนว่าต้องเติมเท่าไหร่ ถ้าช่างแนะนำว่าต้อง เติมน้ำยาแอร์ เข้าไปมากถึง 20 – 30 ปอนด์ แสดงว่าเริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วต้องไหวตัวให้ทัน ไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์ทุกครั้ง เมื่อคุณทำความสะอาด โดยสิ่งที่ต้องระวัง คือ มีช่างบางคนที่ไม่ความซื่อสัตย์ พยายามคิดเงินเพิ่มจากการ เติมน้ำยาแอร์ ขอให้คุณจงจำไว้ว่า ตามทั่วไปแล้วแอร์บ้านเป็นระบบปิด เพราะฉะนั้นน้ำยาแอร์จึงไม่หายไปได้ง่ายๆ จึงไม่ต้อง เติมน้ำยาแอร์ แบบพร่ำเพื่อ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็คือ หลังจากติดตั้งครั้งแรกผ่านไปเป็นเวลา 5 ปีแล้ว
วิธีแก้น้ำยาแอร์หมด น้ำยาแอร์รั่ว
การทำงานของแอร์เป็นระบบปิด สารทำความเย็นอย่างน้ำยาแอร์จึงไม่มีวันหมด นอกจากจะเกิดจุดรั่วไหลตามส่วนต่าง ๆ ของแอร์ ที่ทำให้น้ำยาแอร์ระเหยไปจนหมด ส่งผลให้ เปิดแอร์แล้วไม่เย็น นั่นเอง น้ำยาแอร์หมดยังคงสามารถเปิดแอร์ได้ แต่แอร์จะไม่เย็นและมีแต่ลม เพราะขาดสารทำความเย็นหมุนเวียนในระบบ รวมถึงแอร์และคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนัก แต่ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเปลืองไฟ เคยได้ยินไหมว่า “น้ำยาแอร์ไม่มีวันหมด” แต่ที่เห็นว่า “น้ำยาแอร์หมด เพราะน้ำยาแอร์รั่ว” นั้นจริงหรือเปล่า วันนี้ JBN Air Service จะพามาเฉลยข้อสงสัย ว่าตกลงแล้วน้ำยาแอร์หมดหรือน้ำยาแอร์รั่วกันแน่ ด้วยการเช็คอาการด้วยตัวเอง สาเหตุที่น้ำยาแอร์ไม่มีวันหมดนั้น เพราะเครื่องปรับอากาศมีการทำงานระบบปิด แม้ว่าจะไม่ได้เปิดแอร์นานแค่ไหน แต่สารทำความเย็นจะไม่ระเหยแห้งออกมาสู่ภายนอกอย่างแน่นอน แต่หากมีจุดรั่วไหลบริเวณท่อสักนิด ก็จะทำให้น้ำยาแอร์หมด เพราะระเหยแห้งไป จนเป็นสาเหตุของอาการแอร์ไม่เย็นนั่นเอง แล้วอยากรู้ไหมว่า ที่เปิดแอร์แล้วไม่เย็นอยู่ทุกวันนี้ ใช่น้ำยาแอร์รั่วรึเปล่า วันนี้ JBN Air Service พามาดู 4 อาการที่ส่อถึงน้ำยาแอร์หมดจากการที่น้ำยาแอร์รั่ว เช็คได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ไปดูกันเลย
- เปิดแอร์แล้วไม่เย็น
วิธีแรกที่ง่ายที่สุดใน การสังเกตอาการน้ำยาแอร์หมด คือ การเปิดแอร์ในอุณหภูมิปกติที่เย็นฉ่ำ แต่แอร์กลับไม่มีลมเย็น หรือกลายเป็นลมอุ่น ๆ อาการนี้อาจเป็นสัญญาบ่งบอกว่าน้ำยาแอร์อาจจะน้อยเกินไป เพราะมีน้ำยาแอร์บางส่วนที่รั่วซึม ระเหยออกไป จนทำให้มีน้ำแข็งมาจับตัวกันอุดตันช่องทางเดินลมของแอร์ แอร์จึงไม่เย็นนั่นเอง
- เช็คลมคอยล์ร้อน
อีกวิธีใน การเช็คอาการน้ำยาแอร์หมดด้วยตัวเอง คือ การตรวจดูตรงคอมเพรสเซอร์แอร์ ลองใช้หลังมืออังบริเวณหน้าพัดลมของคอยล์ร้อนอย่างระมัดระวัง เพราะคอยล์ร้อนช่วยระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น เพื่อเปลี่ยนสถานะจากไอกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้ง หากลมออกมาเป็นลมร้อนหรือ อุ่นมาก ๆ แสดงว่าน้ำยาแอร์อยู่ในระดับปกติ แต่ถ้ารู้สึกว่าลมที่ออกมาเป็นลมเย็น ๆ นี่เป็นสัญญาณว่าน้ำยาแอร์อาจจะหมด ต้องรีบหาจุดเพื่ออุดรอยรั่วแล้ว
- เช็คเสียงคอยล์ร้อน
ลอง เช็คเสียงของคอยล์ร้อน บริเวณคอมเพรสเซอร์แอร์ดู หากบริเวณไหนมีรอยรั่ว จะทำให้เกิดเสียงลมอากาศรั่วดังออกมา ถ้าไม่แน่ใจให้ลองหยดน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจานตรงบริเวณนั้น หากมีฟองสบู่เกิดขึ้น ก็เป็นไปได้ว่า จุดนั้นเป็นรอยรั่วที่ทำให้เกิดอาการ น้ำยาแอร์หมด นั่นเอง
- สังเกตน้ำแข็งตามอุปกรณ์แอร์
ขณะเปิดแอร์อยู่ ให้สังเกตบริเวณท่อน้ำยาที่ต่อออกมาจากคอยล์ร้อน หรือตามอุปกรณ์ส่วนอื่น เช่น แผงกรองอากาศ คอยล์เย็น ของแอร์ว่ามีก้อนน้ำแข็งเกาะอยู่หรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าอาจมี การรั่วไหลของน้ำยาแอร์ จนทำให้น้ำยาแอร์หมดหรือเหลือน้อยได้ เพราะระดับน้ำยาแอร์ที่ต่ำไป จะทำให้มีน้ำแข็งเกาะนั่นเอง ถ้าเจออาการแบบนี้ต้องรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาจุดรั่วของแอร์โดยด่วน หลังจากลองเช็คอาการน้ำยาแอร์หมด หาตำแหน่งรอยรั่วแล้ว วันนี้ JBN Air Service พามาไขข้อสงสัย เปิดสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำยาแอร์รั่ว มาหาต้นตอกันเถอะ
ล้างแอร์แหลมฉบัง, ล้างแอร์ชลบุรี, ล้างแอร์ อันดับ 1 ชลบุรี, ล้างแอร์ระยอง, ล้างแอร์ ชลบุรี ศรีราชา, ล้างแอร์ ศรีราชา, ล้างซ่อมติดตั้งแอร์โรงงาน ชลบุรี, ล้างซ่อมติดตั้ง
